Example of Section Blog layout (FAQ section)

ภาพสะท้อน

คอลัมน์ : นานาสาระ หนังสือพิมพ์สวรรค์นิวส์
เรื่อง : ภาพสะท้อน  
โดย ดร.ดไนยา ตั้งอุทัยสุข

ดิฉันเขียนบทความนี้เพื่อสะท้อนภาพที่เกิดขึ้นกับคนกรุงเทพฯในขณะที่มีการสลายการชุมนุมและมีการประกาศเคอร์ฟิวส์แล้ว หลายคนมีความเครียด ความกังวล และอยู่ในภาวะแห่งความเศร้า (ไม่ใช่ซึมเศร้า) ถึงแม้ดิฉันจะไม่ได้รับผลกระทบจากการก่อการร้ายโดยตรงแต่เหตุการณ์ต่างๆที่ได้เกิดขึ้นในช่วง 2 วันแรก (ขณะที่เขียน) ทำให้ดิฉันและคนอีกจำนวนไม่น้อยมีความเป็นอยู่อย่างหวาดผวา แค่เสียงฝาหม้อที่ร้านขายข้าวแกงหล่นพื้นก็วิ่งหลบกันชุลมุนแล้ว ที่ซุปเปอร์มาเก็ตคนแย่งกันซื้ออาหารและต่อคิวยาวเหยียดที่ช่องจ่ายเงิน ที่ปั๊มน้ำมันก็แย่งกันเติมน้ำมันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ที่หน้าตู้เอทีเอ็มมีคนเข้าแถวยาวเฟื้อยเพื่อเบิกเงินสด ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่เก็บข้าวของและพาลูกหลานขึ้นรถอพยพออกจากกรุงเทพฯก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดลง

ภาพข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ คลิปวีดีโอในจอโทรทัศน์ ข้อความในทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค และบล็อกต่างๆบนจอคอมพิวเตอร์ล้วนอยู่ในความสนใจ หลายคนเริ่มติดวิทยุต้องฟังความเป็นไปของเหตุการณ์ต่างๆอยู่ตลอดเวลา ผู้คนไม่กล้าแสดงความคิดเห็นหรือพูดล้อเล่นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะไม่แน่ใจว่าคู่สนทนาเป็นฝ่ายไหนกันแน่ กลุ่มเพื่อนและคนรู้จักหรือแม้แต่สมาชิกในครอบครัวก็อยู่ในสภาวะตึงเครียดทันทีเมื่อมีความเห็นต่อเหตุการณ์ของบ้านเมืองต่างกัน

พฤติกรรมเลียนแบบหรือลัทธิเอาอย่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด กลุ่มจิ๊กโก๋ทำตัวกร่าง ซ่า และท้าทาย ขี่มอเตอร์ไซค์ก่อกวน ละลาน และสร้างความปั่นป่วนให้ผู้คนในที่ต่างๆได้ไม่ต่างกับแก๊งอันธพาลกวนเมือง ถือโอกาสมั่วอาละวาดราวกับว่าบ้านเมืองไม่มีกฎหมายที่จะลงโทษพวกเขาได้

หลายครั้งที่นึกโทษลัทธิบริโภคนิยมที่ทำให้เงินมีอำนาจล้นฟ้าสามารถชักจูงให้คนทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องมีเหตุผล หลายครั้งก็โทษระบบการศึกษาที่ไม่สามารถปลูกฝังจิตสำนึกของความเป็นคนดีให้เข้าไปอยู่ในจิตใจของคนที่ผ่านระบบการศึกษาในโรงเรียนได้ ทุกอย่างพ่ายแพ้ต่อการปลุกระดม ใส่ร้ายป้ายสี และการปราศรัยกรอกหูทุกวัน ไม่นานนักความเชื่อและแนวคิดต่างๆก็ถูกฝังลงในจิตใจอย่างเหนียวแน่น การก่นด่า ความเกลียดชัง การทำร้ายกัน การลักขโมย กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่ทำได้ง่ายดาย ไม่น่าเชื่อว่าการศึกษาในโรงเรียน 6-12 ปีพ่ายแพ้ต่อการติดตามหน้าจอทีวีเพียงไม่กี่เดือน

พอได้มีโอกาสสวดมนต์ไหว้พระกลับมานึกขึ้นได้ว่าเราชาวพุทธถือศีลห้าไม่ใช่หรือ ศีลห้าหรือที่เรียกว่าเป็นนิจศีลนั้นหมายถึงข้อปฏิบัติสำหรับควบคุมกายและวาจาให้เป็นสุข เพียงแค่ศีลข้อสี่ ที่ว่าไม่โกหก ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่ยุยง ไม่ปลุกปั่น ไม่พูดให้คนแตกสามัคคีเท่านั้นเหตุการณ์ความวุ่นวายก็คงไม่เกิดขึ้น ถ้าเราพิจารณาความตามกาลามสูตรที่ว่าไม่เชื่อเพราะฟังเขามา ไม่เชื่อเพราะทำต่อๆกันมา ไม่เชื่อเพราะคำร่ำลือ เหตุการณ์ที่ราวกับเป็นกลียุคของประเทศก็คงไม่เกิดขึ้น บางศาสนาถึงกับเอาศีลข้อไม่พูดปดขึ้นเป็นข้อแรกด้วยซ้ำ เพราะเชื่อว่าหากคนที่รู้ว่าความจริงคืออะไรแล้วยังพูดโกหกได้ลงคอก็สามารถทำความผิดได้ทุกเรื่อง

ส่วนศีลข้อสองที่ว่าไม่ลักทรัพย์ คือไม่ขโมยเอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตัว ซึ่งก็รวมทั้งการเอาเปรียบ การวางแผนหรือแม้แต่เพียงคิดจะเบียดบังผู้อื่นก็ผิดแล้ว หากคนเราถือศีลข้อนี้อย่างมั่นคงแล้วการฉวยเอาของในร้านสะดวกซื้อ การฉกเอานาฬิกาและเครื่องเพชรมียี่ห้อในห้างที่กำลังถูกเผาไหม้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น คนก็จะมีความละอายในการทุบกระจกทำลายข้าวของ การปล้นสะดม หรือถือโอกาสทุบทำลายตู้เอทีเอ็มเพื่อคว้าเอาเงินสดที่ไม่ใช่ของตนเองไปอย่างหน้าตาเฉย รวมทั้งไม่ทำลายสาธารณสมบัติ เช่น ตู้โทรศัพท์ สถานที่ราชการ รวมทั้งไม่ยึดเอาสวนสาธารณะมาเป็นที่ผลิตอาวุธ หรือการขึ้นไปใช้พื้นที่ในตึกสูงเป็นสถานที่ก่อการร้าย

ส่วนศีลข้อหนึ่งที่ว่าไม่ฆ่าสัตว์นั้น หากพิจารณาให้ดีก็ไม่ได้หมายความแค่การปลิดชีวิตเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการทำร้ายมนุษย์ การวางแผนไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่แค่คิดก็ผิดแล้วไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน การขวางกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดับเพลิง สกัดกั้นไม่ให้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจนหลายรายต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ จะเห็นว่าไม่มีศีลข้อไหนไกลตัวเลยถ้ายังมีสติและพิจารณาเรื่องราวที่ได้ฟังมาอย่างยุติธรรม แต่ถ้าเผลอไผลไปผิดศีลข้อห้าที่ให้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา เสพสิ่งเสพติดแล้วหล่ะก็เป็นอันว่าจะกลายเป็นคนประมาท ขาดสติ และไม่มีความยับยั้งชั่งใจสามารถทำผิดศีลได้ทุกข้อแน่นอน

บทความนี้เป็นภาพสะท้อนสถานการณ์ในกรุงเทพฯโดยคนที่อยู่ในกรุงเทพฯซึ่งกำลังมีความเครียด เศร้า กังวลและหวาดระแวง และมีความหวังว่าหากคนไทยได้ทบทวนศีลห้าอย่างลึกซึ้งและยึดถือให้เป็นนิจศีล กรุงเทพฯและประเทศไทยก็คงกลับมามีความสงบ มีความหวัง และมีรอยยิ้มให้กันและกันเหมือนเดิม